
ผมมันเด็กสมัยใหม่
เกิดในยุคที่เขาเรียกว่า เจนวาย (Gen Y)
ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่คำว่า why? (ทำไม?)
จึงผุดขึ้นมาในหัวผมตลอดเวลา
ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้
แต่ไม่ใช่ “ทำไม” แบบเอาแต่ใจ หรือ “ทำไม” แบบขวางโลก
“ทำไม” ของผมเกิดขึ้นเพื่อหาเหตุผล เพื่อหาคำตอบ
วันนี้ออกไปทำงานตามปกติ
นั่งถกกันกับเพื่อนร่วมงานถึงเหตุผล ว่า..
ทำไมเราต้องทำงาน? เราทำงานกันเพื่ออะไร?
..เพื่อเงิน
..เพื่อครอบครัว
..เพื่อตัวเอง
..เพื่ออะไร หรือ เพื่อใคร
เป็นคำถามที่ยากพอๆ กับคำถามที่ว่า..
เราเกิดมาทำไม? เลยทีเดียว
แต่ผมว่าคำถามว่า เราเกิดมาทำไม
นี้อาจจะต้องใช้ชีวตทั้งชีวิตถึงจะหาคำตอบได้
งั้นก็กลับมาสู่คำถาม ทำไมเราต้องทำงาน
คำตอบที่ผมร่างลงมาทั้งหมด
มีจุดร่วมเหมือนกันคือ
เราทำงานเพื่อ…บางสิ่ง
ซึ่งบางสิ่งในโลกนี้ ก็มีมากมายเหลือเกิน
ดังนั้น การจะตอบว่าเราทำงานเพื่อ..สิ่งนั้น สิ่งนี้
มันคงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนัก
เพราะมีคำตอบที่หลากหลายมากมายเหลือเกิน
แต่…
หากเราไม่มองกันในเรื่องวัตถุ
ลองมองในนิยามที่เป็นนามธรรม
ผมคิดไปมาหลายตลบ
ก็ลงเอยที่คำตอบ เพียงคำตอบเดียวว่า
เราทำงาน เพราะ ต้องการรู้จักตนเอง
เหตุที่ผมตอบเช่นนี้เพราะผมเห็น
หลายคนทำงานหนักอยู่ทุกวัน แต่ทำไมสีหน้ายังหมองหม่น
นั่นคงเป็นเพราะเขายังไม่รู้ว่า ตัวเองต้องการอะไร
หลายคนลองทำนั่นนี่หลายๆอย่าง แต่ยังไม่ถูกใจอะไรเสียที
ก็คงเป็นเพราะเขายังไม่รู้ว่า ตัวเองต้องการอะไร
หลายคนทำงานเดิมๆมา 10 ปี 20 ปี ยังไม่ค่อยเห็นแววแห่งความสุขบนใบหน้า
ก็เพราะ เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไร
..
มีคติพจน์ของกรีกโบราณอยู่คำหนึ่ง คือ
“Know thyself” สลักอยู่ทางเข้าวิหารเดลฟี กรุงเอเธนส์เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว
แปลว่า “จงรู้จักตนเอง”
เชื่อเถอะว่าแม้แต่นักปราชญ์เก่งๆสมัยนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
การรู้จักตนเองนั้นเป็นเช่นไร
คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย
คุณจงมองดูที่ๆ คุณยืน เดิน นั่ง นอน
คุณมีความสุขหรือยัง
จงดูบ้านคุณ งานคุณ กิจกรรมวันๆหนึ่งของคุณ
คุณมีความสุขกับมันหรือยัง
ถ้ามี.. แล้วเป็นความสุขที่จีรังหรือเปล่า
หรือเป็นแค่ความสุขฉาบฉวย ชั่วครั้งชั่วคราว
ผมมองดูบางคน ทำงานหนัก แต่เขามีความสุข
ทำงานยากๆปัญหามากมาย แต่ยิ้มได้อยู่ทุกวัน
เขาเหล่านั้นคงรู้ความหมายแล้วว่า เขาทำงานเพื่ออะไร
และก็คงเป็นความหมายของคำตอบเดียวกันกับคำถามที่ว่า “เราเกิดมาเพื่ออะไร”
เราเกิดมาเพื่อทำงาน เราทำงานเพื่อเรียนรู้ตัวเอง
นี่คงเป็นคำตอบสุดท้ายของผม
เพราะความจริงแล้ว ก่อนผมและคุณจะจากโลกนี้ไป
หากวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณหรือผม
สิ่งสนุกสนานทั้งหลายที่คุณเคยผ่านมา
มันคงจะไม่มีค่าเท่าใดนัก
แต่หากคุณยึดคติที่ว่า
ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน
ผมว่าคุณก็น่าจะเข้าใจ ทุกคำตอบในชีวิต
ที่คนหนึ่งคนพึ่งรู้เมื่อได้เกิดมา
เพราะหนทางของชีวิตเรานั้น
..สั้น เหลือเกิน
ปล. ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานส่งลูกค้า
คิดยังไม่ออกเลยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ยากจัด
แต่ถ้าไม่เอาสมองไว้คิดเรื่องยากๆแล้ว
จะเก็บเอาไว้ทำไม
ควรจะเอาขี้เลื่อยยัดไว้ในหัวซะ นะเต้อนะ